การเคลือบฟลูออไรด์เป็นวิธีป้องกันฟันผุที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ ที่มีความเสี่ยง ทันตแพทย์มักแนะนำการเคลือบฟลูออไรด์ในรูปแบบต่างๆ แต่ที่นิยมมากที่สุดคือแบบวาร์นิชและแบบเจล วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเคลือบฟลูออไรด์ทั้งสองแบบนี้

การเคลือบฟลูออไรด์แบบวาร์นิช (Fluoride Varnish)
วาร์นิชฟลูออไรด์ คือสารเคลือบข้นที่ทันตแพทย์ทาลงบนผิวฟันโดยตรง มีลักษณะคล้ายเรซินที่มีความเหนียว เมื่อสัมผัสกับน้ำลายจะแข็งตัวและยึดติดกับผิวฟันได้นาน
ข้อดีของฟลูออไรด์แบบวาร์นิช
- ติดอยู่บนผิวฟันได้นานกว่า – เคลือบติดฟันได้นานถึง 24 ชั่วโมงหรือมากกว่า ทำให้ฟลูออไรด์ซึมเข้าสู่ผิวเคลือบฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความเข้มข้นสูง – มักมีความเข้มข้นของฟลูออไรด์ประมาณ 22,600 ppm
- ใช้ง่ายและรวดเร็ว – ใช้เวลาในการทาเพียง 1-2 นาที ไม่ต้องใช้ถาดครอบฟัน
- ความเสี่ยงต่อการกลืนต่ำ – เนื่องจากปริมาณที่ใช้น้อยและเกาะติดฟันทันที
- เหมาะสำหรับเด็กเล็ก – แม้แต่เด็กอายุ 1-2 ขวบก็สามารถรับการเคลือบได้อย่างปลอดภัย
- เหมาะกับเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือ – ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องคาบถาดยาง
ข้อควรระวังหลังเคลือบวาร์นิช
- หลังจากเคลือบวาร์นิช ฟันอาจจะมีสีเหลืองหรือสีน้ำตาลชั่วคราว (จะหายไปเมื่อแปรงฟันในวันถัดไป)
- ควรงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 30 นาที – 2 ชั่วโมง (ตามคำแนะนำของทันตแพทย์)
- ไม่ควรแปรงฟันในวันนั้น หากได้รับการเคลือบในช่วงเย็น
การเคลือบฟลูออไรด์แบบเจล (Fluoride Gel)
เจลฟลูออไรด์ เป็นสารกึ่งเหลวที่ทันตแพทย์ใส่ในถาดครอบฟันแล้วให้ผู้ป่วยกัดเป็นเวลาประมาณ 1-4 นาที
ข้อดีของฟลูออไรด์แบบเจล
- คลุมพื้นผิวฟันได้ทั่วถึง – เจลสามารถแทรกซึมเข้าไปในซอกฟันและบริเวณที่เข้าถึงยากได้ดี
- มีให้เลือกหลายรสชาติ – ทำให้เด็กรู้สึกสบายและให้ความร่วมมือมากขึ้น
- มีความเข้มข้นสูง – มักมีความเข้มข้นของฟลูออไรด์ประมาณ 12,300 ppm
- มีราคาถูกกว่า – โดยทั่วไปมีต้นทุนต่ำกว่าวาร์นิช
ข้อควรระวังของฟลูออไรด์แบบเจล
- มีโอกาสกลืนเจลมากกว่า ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
- ไม่เหมาะกับเด็กเล็กที่ควบคุมการกลืนไม่ดี (ไม่แนะนำในเด็กอายุต่ำกว่า 3-4 ปี)
- ต้องใช้เครื่องดูดน้ำลายระหว่างทำ
- ต้องงดอาหารและเครื่องดื่มประมาณ 30 นาทีหลังการเคลือบ
เปรียบเทียบวาร์นิชและเจล: อะไรดีกว่ากัน?
เหมาะสำหรับเด็กวัยต่างๆ
- เด็กอายุ 0-3 ปี: วาร์นิชเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะใช้เวลาน้อยและมีความเสี่ยงในการกลืนต่ำ
- เด็กอายุ 3-6 ปี: ทั้งสองแบบใช้ได้ แต่วาร์นิชยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือ
- เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป: สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุและการให้ความร่วมมือ
ประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ
จากการศึกษาวิจัย พบว่าทั้งวาร์นิชและเจลมีประสิทธิภาพในการลดการเกิดฟันผุ แต่วาร์นิชได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันเนื่องจาก:
- ติดอยู่บนผิวฟันได้นานกว่า
- ใช้ง่ายกว่าโดยเฉพาะในเด็กเล็ก
- มีความปลอดภัยสูงกว่าเพราะมีโอกาสกลืนน้อย
กรณีพิเศษ: เด็กที่จัดฟัน
สำหรับเด็กที่กำลังจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็น Invisalign หรือเหล็กดัดฟัน ทันตแพทย์มักแนะนำการใช้:
- วาร์นิชฟลูออไรด์: สามารถทาเฉพาะจุดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น รอบๆ bracket ของเหล็กดัดฟัน
- เจลฟลูออไรด์: อาจใช้กับถาดพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับคนที่จัดฟัน
ที่ Tiny Smile Dental เรามีอะไรให้คุณ?
ที่คลินิกทันตกรรม Tiny Smile เรามีบริการเคลือบฟลูออไรด์ทั้งแบบวาร์นิชและแบบเจล โดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางด้านเด็กที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เราจะประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของลูกคุณและให้คำแนะนำว่าวิธีไหนเหมาะสมที่สุด
สำหรับเด็กที่กำลังจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็น Invisalign First หรือจัดฟันแบบดั้งเดิม เรามีโปรแกรมการดูแลพิเศษเพื่อป้องกันการเกิดรอยขาวบนฟัน (White Spot Lesions) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็กที่จัดฟัน
สรุป
การเคลือบฟลูออไรด์ทั้งแบบวาร์นิชและแบบเจลมีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของเด็ก การให้ความร่วมมือ และความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
เพื่อสุขภาพฟันที่ดีของลูกน้อย คุณควรพาลูกไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อรับการเคลือบฟลูออไรด์และการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างครบวงจร
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลือบฟลูออไรด์หรือต้องการปรึกษาเรื่องสุขภาพฟันของลูก สามารถติดต่อ Tiny Smile Dental ได้ที่
LINE OA: @tinysmile
โทร: 092-241-9936
เรายินดีให้คำปรึกษาและดูแลรอยยิ้มของลูกน้อยให้สวยงามและมีสุขภาพดี
หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “เคลือบฟลูออไรด์”